รอคอยไม่ไร้ค่า..ปฐมบทกำเนิดใหม่จงอางผยอง
  • 15 พฤศจิกายน 2018 at 22:49
  • 4873
  • 0

14 วันสู่ปลายทางการเลื่อนชั้น ฝากความหวังไว้ที่โค้ชป้ายแดง กำลังใจไม่เคยขาด และนี่คือขวบปีที่น่าจดจำของพวกเขา จงอางผยองขอนแก่น ยูไนเต็ด

 

 

ชีวิตหลังติดโทษแบน

นับแต่วันที่ วันที่ 19 สิงหาคม 2559 ขอนแก่น ยูไนเต็ด ต้องร้างลาจากสนามแข่งขันจากเหตุพัวพันทำร้ายผู้ตัดสิน โทษแบนรุนแรงขั้นตัดสิทธิ์ออกจากสมาชิกภาพในการแข่งขัน อย่างไรก็ตามให้หลังจากนั้น 2 ปี จงอางผยอง ก็ได้กลับมาโลดแล่นบนลีกไทยอีกครั้งหลังเสียงที่ประชุมใหญ่สามัญลงมติถอดถอนสิทธิ์ไม่ถึง 3 ใน 4  พร้อมกับที่ทีมได้สิทธิ์คืนมาอีกครั้ง แม้ในลีกล่างสุดก็ตาม

แน่นอนว่าการได้สิทธิ์โดยชอบกลับคืนสู่ตัวสร้างความสุขให้กับทุกผู้คนที่เกี่ยวโยงกับ ขอนแก่น ยูไนเต็ด อย่างไรก็ตามมันคล้ายกับว่าเป็นตลกร้ายเมื่อเวลาก่อนเปิดลีกเหลือ 2 สัปดาห์พอดิบพอดี ทุกอย่างต้องเสร็จให้ทันเวลา ไม่ใช่แค่ทีม แต่โครงสร้างสโมสรฯ เอกสารทุกอย่าง ต้องเรียบร้อย แต่ก็นั่นแหละโอกาสครั้งนี้หากปล่อยผ่านคงไม่มีอีกแล้ว บิ๊กต้อมวัฒนา ช่างเหลา ประธานขอนแก่น ยูไนเต็ด เปิดใจให้หลังมองย้อนกลับไป "ปีนี้ถือว่าเป็นงานยากงานยากจริงๆ ด้วยเรามีเวลาเตรียมทีมน้อยกว่าทีมอื่น 14 วัน เราต้องทำเรื่องการทำคลับไลเซนซิ่ง หาสตาฟฟ์โค้ช และนักฟุตบอล โดยเฉพาะนักฟุตบอลก่อนเปิดลีก ตัวดีๆ มีทีมหมดแล้ว มันทำให้เรามีตัวเลือกน้อยมาก"

แต่ในความโชคร้ายเมื่อเวลา 3 วันที่เปิดคัดทีมได้กลุ่มผู้เล่นที่พร้อมพิสูจน์ตัวเองมาชุดหนึ่ง เมื่อบวกกับน้ำใจจากเพื่อนร่วมวงการที่ส่งแข้งคุณภาพเข้ามาช่วยนั่นทำให้ทีมเริ่มก้าวไปข้างหน้านับแต่นั้น

 

3 นัดเปลี่ยนแม่ทัพ ตั้งโจ้ 5 หลาประเดิมจับงานโค้ช

เราคงนึกภาพแทบไม่ออกมาว่ามีทีมไหนบ้างที่เคยเก็บตัวแค่ไม่ถึง 14 วันดีก็เริ่มเกมลีกที่เล่นกันยาวๆ ครึ่งปีนัดแรกแล้ว แน่นอนมันอาจตะกุกตะกักไปบ้าง แต่ โค้ชโจ้อภิชัย พลพิทักษ์ กุนซือทีม ที่พ่วงงานโค้ชทีม รร.กีฬา จ.ขอนแก่น และได้รับมอบหมายหน้าที่อันฉุกละหุกเนื่องจากเพิ่งทำหน้าที่โค้ชชุดโค้กคัพ ของขอนแก่น ยูไนเต็ด  ทำหน้าที่ได้ดีพอใช้ได้ 3 นัดแรกพวกเขาชนะ 2 เสมอ 1

อย่างไรก็ตามเราไม่รู้จริงๆ ว่า บิ๊กต้อม คิดอะไรในใจอยู่เมื่อเขาตัดสินใจเปลี่ยนกุนซือโดยไปเลือกเอา โค้ชโจ้ ศรายุทธ ชัยคำดี อดีตแข้งเก่าที่ไม่เคยคุมทีมทางการมาก่อนรับงานต่อทันที ถ้าถามว่าทำไมถึงต้องเป็น โจ้ ศรายุทธ คงเพราะเราเล็งเห็นถึงความสามารถที่มีอยู่ในตัว โดยโจ้เองมีดีกรี บี ไลเซนส์ และยังเป็นคนหนุ่มไฟแรง อีกทั้งในอดีตเขาเคยเป็นนักเตะของเราอยู่แล้ว ทำให้การปรับตัวร่วมกับสโมสร การเรียนรู้ระบบทีม ใช้เวลาไม่นาน ซึ่งในเวลานี้เราแข่งไปแล้ว 3 นัด เราต้องการการปรับตัวที่รวดเร็ว ดังนั้น โจ้จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะกับทีมเราในเวลานี้เป็นอย่างมาก

3 นัดผ่านไปจากไร้พ่าย เป็นไร้ชัย นั่นคือเรื่องเข้าใจได้ไม่ยากเมื่อลองของกับโค้ชหน้าใหม่ ที่แม้จะพกประสบการณ์ค้าแข้งมาเต็ม 2 กระเป๋า อย่างไรก็ตามไม่ง่าย แต่อดีตดาวยิงแนวหน้าไทยลีก ที่ทำงานร่วมกับมือขวา ปฏิภัทร รอบรู้ และทีมสตาฟฟ์ ค่อยๆ ปรับอย่างใจเย็น ผลการแข่งขันก็เริ่มเป็นใจให้บ้าง แม้ จงอางผยองยังไม่ได้ดุดันมากมายอะไร แต่พวกเขาก็ดีพอเกาะกลุ่มพื้นที่หัวตารางในอันดับ 4 ตามจ่าฝูงแค่ 6 แต้มเท่านั้น

 

เสริมถูกจุดพุ่งตรงสู่เป้าหมาย

แล้วก็ถึงช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอยหลังจากอัดอั้นกับเวลาแค่ 14 วันในการออกสตาร์ทเลกแรก ขอนแก่น ยูไนเต็ด ลงตลาดเสริมทัพทันที นำโดย ชรินทร์ บุตรฮาด และ พัทรชัย สถิตย์วาส อดีตเด็กเก่า และนั่นคือจุดเริ่มต้นของภารกิจเดินหน้าโกยแต้ม ถล่มประตู ตลอด 13 นัดในเลก 2 ทีมชนะ 11 เสมอ 1 แพ้ 1 ยิงได้มากถึง 46 ประตู และแม้สุดท้ายแชมป์โซนอีสาน ที่ยื้อแย่งแบบสุดมันส์กับอริ เมืองเลย ยูไนเต็ด จะไม่สำเร็จ แต่การไป ชปล. คือเป้าหมายที่แท้จริง และอย่างที่ผู้อ่านทุกท่านทราบสุดท้ายจากเวลาแค่ 14 วันกลับกลายเป็นว่านี่คือทีมแรกสุดที่ได้สิทธิ์เลื่อนชั้นสู่ไทยลีก 3 ในบั้นปลาย

บิ๊กต้อมบอสใหญ่ จงอางผยองเล่าย้อนไปว่า ผลงานในเลกแรกถือว่าพอใช้ได้ เพราะเรายังอยู่ในกลุ่มหัวตาราง จากนั้นเราก็มีการเตรียมทีมมาเรื่อยๆ เราก็มาดูว่าเลกแรกเราขาดอะไรบ้าง ควรเสริมอะไรบ้าง ถือว่านักเตะที่เข้ามาในเลก 2 เป็นส่วนที่เรายังขาดอยู่เป็นส่วนที่เราต้องการจริงๆ มันเป็นจิกซอว์ที่เราเติมเต็มพอดี บวกกับเวลาเตรียมทีมมากขึ้น ความฟิตมากขึ้น เปรียบไปก็คงคล้ายเครื่องดีเซล (หัวเราะ) เราก็มาได้ลุ้นในช่วงท้าย แต่เสียดายที่เราได้แค่รองแชมป์ แต่ก็ยังดีพอที่ได้มาเล่นในรอบแชมเปี้ยนส์ ลีก

รอบแชมเปี้ยนส์ ลีก ยอมรับว่าผลจับสลากแบ่งกลุ่มเราไม่มีโชคเอาเสียเลย ที่ต้องออกไปเยือน 3 นัด ด้วยความที่เราอาจจะไม่ใช่เต็งที่มีลุ้นเลื่อนชั้นที่สุดมันทำให้นักเตะเราไม่เครียด ไม่มีความกดดัน ผลแพ้ชนะผมไม่ว่า ขอให้เล่นได้ใจแฟนบอลก็พอ อย่าลืมว่าทุกทีมแข็งหมด เพราะนี่คือแชมป์, รองแชมป์ของแต่ละโซน แต่เราก็ทำผลงานได้ดีเยี่ยม ทั้งหมดนี้ต้องยกเครดิตให้ทั้งโค้ช และนักเตะทุกคน

 

ศรัทธามั่นคง ที่ไม่เคยถูกทำลาย

คงหาสักทีมในลีกล่างเมืองไทยที่มีค่าเฉลี่ยแฟนบอลตกที่ราว 3-4 พันคนต่อนัดไม่ได้ แต่ ขอนแก่น ยูไนเต็ด ทำได้ตลอดทั้งปี 2018 แม้ทีมห่างหายจากโลกลูกหนังไปร่วม 2 ปี แต่นั่นไม่อาจทำลายกำแพงแห่งศรัทธาที่มีต่อทีมได้เลย บอสใหญ่ จงอางผยองกล่าวว่า ผมต้องขอขอบคุณแฟนบอลมากเลยนะครับ ที่แต่ละนัดเข้ามาชมเข้ามาเชียร์กันให้กำลังใจกัน เฉลี่ยแล้วการเข้ามาชมของแฟนบอลต่อนัด 3500-4000 คน ทำให้เกมในบ้านแต่ละนัดกำลังใจเราเต็มเปี่ยม แถมยังเป็นการข่มขวัญคู่ต่อสู้ได้เป็นอย่างดี ถือว่าเป็นความโชคดีของทีมเรา ที่ได้รับความรัก และรอคอยการกลับมา โดยเฉพาะที่เรากลับมาเรายังเห็นภาพเดิมๆ แฟนบอลที่ยังคอยสนับสนุนมันรู้สึกอบอุ่นทำให้รู้สึกว่า พลังของแฟนบอล คือ เอกลักษณ์ ของ ขอนแก่น ยูไนเต็ด

 

เป้าต่อไปสู่ที่หมายเดิม

ในฤดูกาล 2019 ทีมรองแชมป์ไทยลีก 4 รอบประเทศ ต้องไปอยู่ในกลุ่มโซนบน ร่วมกับทีมคุณภาพ อาทิ ลำพูน วอริเออร์, แพร่ ยูไนเต็ด, ฉะเชิงเทรา ไฮ-เทค เอฟซี, อุบลราชธานี เอฟซี ฯลฯ แน่นอนว่าการแข่งขันเข้มข้นขึ้นทบทวี อย่างไรก็ตามประธานสโมสรขอนแก่น ยูไนเต็ด ยืนยันว่าทีมต้องบริหารจัดการเรื่องการเดินทางให้ดีขึ้น โดยที่เป้าหมายชัดเจนเหมือนเดิมคือขึ้นชั้นสู่จุดเดิมที่ตกลงมา นั่นคือไทยลีก 2 ในฤดูกาล 2020 ให้ได้

 

โปรดรอติดตามตอนต่อไป...ว่าภารกิจในไทยลีก 3 ขอนแก่น ยูไนเต็ด จะบรรลุเป้าหมายหรือไม่