• 2 กุมภาพันธ์ 2019 at 16:32
  • 564
  • 0

สุโขทัย เอฟซี เปิดตัวสโมสรลุย ไทยลีก 1 ฤดูกาล 2019 ยึดปรัชญาเดิมแม้เปลี่ยน ปธ. มั่นใจผลงานดีกว่าปีก่อน

เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 15.30 น. ที่สนามฟุตบอลอะคาเดมีสุโขทัย เอฟซี จ.สุโขทัย “ค้างคาวไฟ”สุโขทัย เอฟซี ทำการเปิดตัวสโมสรเพื่อสู้ศึก ไทยลีก 1 ฤดูกาล 2019

ดร.อนงค์วรรณ เทพสุทิน ประธานสโมสรคนใหม่ของ สุโขทัย เอฟซี แถลง ว่า "ขอต้อนรับทุกคนเข้าสู่งานแถลงข่าวเปิดตัว สโมสรสุโขทัย เอฟซี เพื่อสู้ศึกไทยลีก ฤดูกาล 2019 ในปีนี้เราใช้คอนเซ็ป "สตรองเกอร์ ทูเก็ทเตอร์" ต้องการให้ทีมสุโขทัย เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันให้มากขึ้นกว่าเดิม เพื่อยึดหัวใจพวกเราให้รวมกันเป็นหนึ่ง นั่นคือการสร้างความเข้มแข็งให้กับทีม โดยมีหัวใจสำคัญ คือ แฟนบอลค้างคาวไฟ ที่ศรัทธาในทีม ส่งแรงใจและการสนับสนุนอย่างดีเสมอมา และสิ่งนั้นถูกส่งต่อเป็นพลังที่เข้มแข็ง ให้ทัพค้างคาวไฟ บินสู่เป้าหมาย สร้างความสุขให้แฟนบอล แข่งขันด้วยหัวใจสามัคคี มีสปิริต ไม่ยอมจำนนจนกว่าวินาทีสุดท้ายในเกมจะหมดลง"

"ตลอดการทำทีมที่ผ่านมา สุโขทัย เอฟซี เติบโตอย่างรวดเร็ว จนผู้บริหาร เองยังตั้งรับไม่ทัน ที่ผ่านมาเราเคยฝันแค่ว่า อยู่แค่ ดิวิชั่น 1 ถือว่าดีที่สุดแล้ว เมื่อมาถึงจุดหนึ่ง แฟนบอลมีความศรัทธาในทีม เราจึงหยุดการพัฒนา ไม่ได้ ในเมื่อเราเพิ่มความเข้มแข็ง เราขอติดอันดับ 1 ใน 5 ให้ได้ จากทีมภูธรเล็กๆ วันนี้ กลายเป็นทีมฟุตบอลของภาคเหนือตอนล่าง ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด  แม้ ฤดูกาล 2018 ผลงานของทีม จะกระท่อนกระแท่น แต่สุดท้ายเราสามารถจบอันดับที่ 11 จากทีมแข่งขันทั้งหมด 18 ทีม”  

ประธานค้างคาวไฟ กล่าวอีกว่า "ปีที่ผ่านมาทุกอย่างเป็นความกดดัน เพราะกติกาใหม่ มีทีมต้องตกชั้นลงไปถึง 5 ทีม แต่สุดท้ายผู้เล่นทุกคน แฟนบอล และผู้บริหารร่วมฝ่าฟัน จนเรายังอยู่บนลีกสูงสุดของประเทศไทย สิ่งที่ตนพูดไม่ใช่การเพ้อฝัน เพราะเราได้ยกระบบทีมทั้งหมด โดยใช้โค้ชชาวต่างชาติอย่าง ลูโบเมียร์ รีสตอฟกี โค้ชชาวเซอร์เบีย ซึ่งเป็นโค้ชชาวต่างชาติคนแรกของค้างคาวไฟ เขาเป็นหนึ่งในโค้ชที่มีความสามารถ มีรูปแบบการซ้อมที่แตกต่างจากโค้ชชาวไทย เขาดึงระเบียบต่างๆ มาใช้กับนักเตะ ซึ่งการซ้อมกว่า 2 เดือน ดิฉันเชื่อว่า เขาจะพาเราไปถึงเป้าหมายได้"

“การเสริมทัพผู้เล่น มีปรับผู้เล่นแบบยกเครื่อง หลายคนแปลกใจ ว่าทำไมเราเสริมนักกีฬาต่างชาติ มากกว่าคนไทย เพราะกติกาที่สมาคมฟุตบอลกีฬาฟุตบอลฯ วางไว้เปิดโอกาสให้เราหานักเตะต่างชาติฝีเท้าดี ไม่ว่าจะเป็น "เอียน แรมซีย์" กองกลางตัวรุกทีมชาติฟิลิปปินส์ "เปตาร์ ออร์ลันดิก" กองหน้าชาวเซอร์เบีย มีความสูงใหญ่ เก็บบอลได้ดี มีความเฉียบคม "โจเอล ซามี" กองหลังชาวคองโก ที่รูปร่างสูงใหญ่ มีประสบการณ์สูง สามารถช่วยคุมเกมรับได้ดี "รูโดลอฟ ยานโต บาสนา" เซ็นเตอร์แบ็กทีมชาติอินโดนีเซีย มีความเร็วและขยัน แถมอายุยังน้อยสามารถพัฒนาไปได้อีก และ "แจ็ค เคร้าซ์" ผู้รักษาประตูลูกครึ่งไทย-เยอรมัน มีรูปร่างที่ดีที่ล่าสุดถูกเรียกตัวติดทีมชาติไทยชุด 23 ปี ในปีล่าสุด"

บอสใหญ่ สุโขทัย กล่าวด้วยว่า "สำหรับงบประมาณทำทีม หลายคนคิดว่าสุโขทัย เอฟซี ใช้เงินที่สูง ขอตอบว่าไม่เป็นความจริง เรายังยึดแนวทางของ ท่านสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตประธานสโมสรสุโขทัย เอฟซี ที่อยู่บนพื้นฐานของคำว่า "พอเพียง" เราจะทำให้เห็นว่า สุโขทัย เอฟซี ด้วยงบประมาณแบบพอเพียง เป็นสิ่งที่เราบริหารจัดการทีม และทำทีมให้ประสบความสำเร็จได้ และ สร้างความสุขให้กับแฟนบอล เพื่อเป้าหมายเดียว คือ การสร้างทีมไปด้วยกัน เพื่อเติบโตไปด้วยกัน แม้ตอนนี้มีสื่อหลายสำนักปรามาสว่า สุโขทัย เอฟซี อาจเป็น 1 ใน 3 ทีมที่จะตกชั้น ต้องขอบคุณที่เขาตำหนิเราตั้งแต่ต้น เราจะได้ปรับปรุง เราจะไม่ประมาท สู้จนวินานทีสุดท้าย ใครดูแคลนเรา ไม่เป็นอะไร เราจะเก็บทุกคำติติงมาพัฒนา และขอให้ทุกคนที่ประเมินเราก่อนเริ่มต้นฤดูกาล คอยดูผลงานของสุโขทัย เอฟซี ให้ดี ปีนี้เราจะเดินหน้าอย่างเข้มแข็ง สำหรับแฟนบอล นั้นเป็นเบอร์ 12 ที่เราให้ความสำคัญมากๆ เรามีกองเชียร์แฟนคลับไม่น้อยทุกครั้ง มีความรักความผูกพันกัน เราทุกคนจะไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน"

 

ด้าน “เสี่ยเขต” เขตพงศ์ กุลนาถศิริ ผู้จัดการทีม กล่าวว่า "ปีที่แล้วเราได้ประตูเยอะและเสียประตูเยอะมาก ปีนี้เราโฟกัสเน้นที่เกมรับ นี่คือเหตุผลหลักที่เราดึง รีตอฟสกี เข้ามา ประกอบกับความเข้าใจ และทรงเซอร์เบียเป็นบอลเกมรับ มาแก้จุดอ่อนของสุโขทัย หลังจากเราได้เขามา เราก็ดึงนักเตะที่เข้ากับสไตล์การทำทีมของเขา และนโยบายของสมาคมที่เพิ่มนักเตะอาเซียน เราก็เพิ่มเข้ามา หลายคนเพราะเราเอาจริง ปีนี้นักเตะในทีมสามารถเป็นกำลังหลักของสโมสรได้ทุกคน ปีนี้เกมรุกอาจไม่หวือหวา แต่เกมรับแน่นขึ้นแน่นอน บางทีมใช้โควตาอาเซียนเพื่อการตลาด แต่สุโขทัย เน้นการใช้งาน และทีมจะมีผลงานดีกว่าปีที่แล้ว"

“ปีนี้เราอาจจะเสีย เนลสัน โบนีญ่า กองหน้าทีมชาติเอลซัลวาดอร์ที่ยิง 25 ประตูในปีที่แล้ว ซึ่งเรามีตัวป้อนที่ดีอย่าง จอห์น บาจโจ้ และ คัพฟ้า บุญมาตุ่น แต่เรามีวิธีการเข้าทำที่ไม่หลากหลาย ซึ่งปีนี้เราไม่กังวลเลย ว่าขาดโบนี่ไปแล้วใครจะยิง ปีนี้เราอาจจะเล่นแบบตีหัวเข้าบ้าน หากเรานำก่อนก็มีสิทธิ์ได้แต้มสูง และกองหน้าที่เข้ามาใหม่มีฝีเท้าดีไม่แพ้โบนี่แน่นอน”

 

ขณะที่ ลูโบเมียร์ รีสตอฟกี หัวหน้าผู้ฝึกสอน กล่าวว่า  "การเตรียมทีมในระยะเวลาที่ผ่านมา พอใจในการฝึกซ้อม 2 เดือนที่ผ่านมา ทั้งการสนับสนุนของประธานและผู้จัดการทีม ทัศนคติของนักฟุตบอล และอุปกรณ์ทุกอย่างที่มีในสโมสรสุโขทัย เอฟซี  ส่วนแนวทางการทำทีมเราจะโฟกัสแบบนัดต่อนัด โดยเฉพาะนัดแรก โดยเน้นทีมเวิร์ค สู้ไปด้วยกันทั้งทีม แน่นอนว่าตัวความหวังของทีมคือ จอห์น บาจโจ้ แต่นักเตะที่เข้ามาใหม่มีศักยภาพและสามารถเป็นคนสำคัญของทีมได้เช่นกัน เราต้องมองภาพรวมทั้งทีม ชนะด้วยกัน แพ้ด้วยกัน หล่อหลอมทั้งทีมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน"

“ความหวังที่ทีมต้องติด 1ใน 5 ถือว่ากดดัน แต่ไม่มีปัญหา แม้จะเป็นงานที่ยาก แต่หากทุกคนเล่นได้ดี มีความเป็นนักสู้ ต้องดูเป็นนัดต่อนัดไป และหวังว่าจะจบตามที่หวัง แต่ทุกทีมก็เสริมแกร่ง เราจึงต้องโฟกัสที่นัดแรกก่อนว่าจะเปิดตัวได้ดีขนาดไหน ผมจะทำให้ทุกคนรู้ว่า เราสู้ทุกเกมและไม่กลัวใคร ในไทยลีก คุณภาพนักเตะไม่ต่างกันมา วัดกันที่ตัวต่างชาติ ผมมั่นใจว่าตัวต่างชาติเราดีพอ ผมคารพทุกทีม แต่จะบอกว่าเราไม่กลัวใคร”